เกาลัดเป็นพืชตระกูลหนึ่งที่นิยมนำมารับประทานโดยการอบหรือคั่ว มีรสชาติที่หวานกำลังดีและมีความนุ่มอยู่ในตัว นอกจากเกาลัดคั่วแบบไม่แกะเปลือกที่มีความหอม รสชาติเข้มข้นน่ารับประทานแล้ว ยังมีเกาลัดคั่วแบบแกะเปลือกที่จำหน่ายตามท้องตลาดอยู่มากอีกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เกาลัดยังเหมาะเป็นของว่างที่ทานเล่นได้อย่างสะดวกและเพลิดเพลินอีกด้วย เมื่อพูดถึงเกาลัดที่มีชื่อเสียงต้องยกนิ้วให้เกาลัดเทียนจิน (Tianjin) ที่มาจากประเทศจีน แต่สำหรับเกาลัดที่ปลูกในไทยนั้น จะมีสายพันธุ์ไทย สายพันธุ์จีนและสายพันธุ์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะเกาลัดสายพันธุ์จีนจะมีการเพาะปลูกมากทางภาคเหนือของไทย อีกทั้งยังมีการปลูกเกาลัดแบบอินทรีย์หรือออร์แกนิคด้วย มาถึงตอนนี้หลายคนคงยังลังเลกันอยู่ใช่ไหมคะว่าจะเลือกซื้อเกาลัดแบบไหนดี?
ในครั้งนี้ เราจึงได้รวบรวมนำเอาเกาลัดที่เป็นสินค้ายอดนิยมมาแนะนำแก่คุณผู้อ่านถึง 10 อันดับกันเลยทีเดียว ยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องอยู่บ้านอย่างนี้ เกาลัดจึงเหมาะกับเป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่ให้ทั้งประโยชน์จากธรรมชาติพร้อมความอร่อยอีกด้วย และเพื่อให้คุณได้รับรสความอร่อยของเกาลัดได้มากขึ้น เราจะพาไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกาลัดกันค่ะ
อย่างที่ได้เกริ่นกันไปแล้วว่า เกาลัดเป็นของว่างเพื่อสุขภาพที่ทานได้เพลินและมีรสหวานจากธรรมชาติ แต่เราจะเชื่อถือได้อย่างไรว่า เกาลัดที่ซื้อมานั้นจะมีรสชาติที่อร่อยจริง ๆ ดังนั้น เราจึงมีวิธีการเลือกเกาลัดมาฝากคุณผู้อ่านกันค่ะ
หากไปซื้อเกาลัดจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือย่านเยาวราช สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อ คือ สีของเปลือก ความมันวาวของผิวและขนาดของเมล็ดเกาลัด หากเป็นไปได้อยากให้เลือกเมล็ดเกาลัดที่มีขนาดใหญ่เท่า ๆ กัน เพราะเวลาที่นำไปคั่วหรืออบด้วยไฟ จะมีการหมุนคนในภาชนะที่ใช้ในการคั่ว ซึ่งถ้าเมล็ดมีขนาดเท่า ๆ กัน เวลาคั่วจะสุกโดยทั่วกัน แต่หากเป็นเมล็ดที่มีขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง เมื่อคั่วเสร็จอาจจะมีเกาลัดบางส่วนที่ไหม้ และบางส่วนที่ไม่สุก ทำให้รับประทานไม่อร่อย
นอกจากเรื่องของขนาดแล้ว ควรเลือกเมล็ดเกาลัดที่มีสีผิวสม่ำเสมอและมีความมันวาวสวยงาม สำหรับการคั่วเมล็ดเกาลัดที่เห็นตามร้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะคั่วด้วยทราย บางร้านอาจจะใส่น้ำตาลไปคั่วด้วย เพื่อให้ได้รสชาติหวาน นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการแตกปริของเกาลัดและทำให้แกะเปลือกได้ง่ายนั่นเองค่ะ
ไม่ว่าสถานที่ปลูกหรือกรรมวิธีผลิตเกาลัดจะเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อที่จะต้องพิจารณาให้ดีนั่นก็คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
หากอยากทานเกาลัดที่แสนอร่อยและได้รสชาติแบบต้นฉบับดั้งเดิม ให้ลองทานเกาลัดเทียนจินที่มีแหล่งผลิตมาจากจีนที่มีขายในย่านไชน่าทาวน์หรือเยาวราชกันดูนะคะ โดยเกาลัดที่มาจากจีนส่วนใหญ่จะทำการเก็บจากบริเวณรอบภูเขาเยียนซาง (Yanshan) ในมณฑลเหอเป่ย (Hebei) ด้วยขนาดของเมล็ดที่เล็กและมีรสชาติหวานนำ อีกทั้งเปลือกยังแกะได้ง่ายกว่า เกาลัดของญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกาลัดจีนเป็นที่นิยมมากกว่าเกาลัดสายพันธุ์จากที่อื่นค่ะ
แต่เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจมีความกังวลอยู่ไม่น้อยในเรื่องของความปลอดภัย หรือถ้าหากอยากเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์เกาลัดที่นำเข้าจากจีนเพื่อความสบายใจ ก็สามารถเลือกรับประทานเกาลัดสายพันธุ์ที่ปลูกในไทย หรือจะเลือกเป็นผลิตภัณฑ์เกาลัดออร์แกนิคเป็นอีกหนึ่งทางเลือกก็ได้นะคะ ซึ่งในปัจจุบันตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าต่าง ๆ ได้มีการจำหน่ายเกาลัดในรูปแบบผลิตภัณฑ์เกาลัดอินทรีย์หรือเกาลัดออร์แกนิคมาให้เลือกซื้ออย่างกันมากมายเลยค่ะ
ในปัจจุบันได้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เกาลัดมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ก็คงอยากจะเลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ จึงแนะนำให้ลองตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตว่ามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากเป็นผู้ผลิตที่ใส่ใจเลือกเฟ้นและคัดสรรคุณภาพของเกาลัดมาอย่างดี มีการควบคุมคุณภาพสินค้าและการผลิตที่สะอาด ก็ถือเป็นสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือและรับประทานได้อย่างอุ่นใจ ดังนั้น การซื้อเกาลัดไม่ควรพิจารณาเพียงความคุ้มค่าและราคาเท่านั้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์เกาลัดที่สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล โดยให้ศึกษาข้อมูลผู้ผลิตจากทางเว็บไซต์กันนะคะ
เพื่อให้ได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยที่มาจากธรรมชาติของเกาลัดแท้ ๆ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกาลัดมีการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์หรือไม่ และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารปรุงรสและสารเติมแต่งอาหาร
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าเกาลัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ใช้สารเติมแต่งในการแปรรูป แต่ในบางขั้นตอน เช่น การกะเทาะเปลือก, การคัดแยกตามขนาด รวมไปถึงการนำไปล้างและบรรจุลงห่อ บางครั้งอาจจะมีการใส่สารปรุงแต่งอาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต หรือเพื่อทำให้หน้าตาผลิตภัณฑ์ดูสวยงามขึ้น นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มรสชาติของเกาลัดให้อร่อยยิ่งขึ้น อาจจะมีการเติมสารให้ความหวานหรือเกลือลงไป เพราะฉะนั้น ก่อนซื้อควรดูผลิตภัณฑ์ให้ดี ๆ และระมัดระวังกันด้วยนะคะ
เกาลัดที่วางขายกันในปัจจุบันมีมาให้เลือกทั้งแบบแกะเปลือกและไม่แกะเปลือก ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ จะให้อรรถรสในการรับประทาน และยังมีวันหมดอายุที่แตกต่างกัน ไปดูรายละเอียดตามด้านล่างนี้กันค่ะ
เกาลัดแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ แบบที่ยังไม่แกะเปลือกและแบบแกะเปลือกพร้อมทาน หากคุณอยากสนุกกับการแกะและรับประทานเกาลัดไปด้วย แนะนำให้เลือกเกาลัดที่ยังไม่แกะเปลือก แต่ถ้าใครที่กังวัลว่า เวลาแกะจะติดเล็บ หรืออยากหยิบรับประทานแบบสะดวกรวดเร็ว แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์เกาลัดแบบแกะเปลือกจะดีกว่า อีกทั้งเกาลัดชนิดนี้มักจะมีน้ำอยู่มากและมีเนื้อค่อนข้างนิ่ม จึงทำให้ทั้งเด็กและผู้สูงวัยสามารถทานเกาลัดชนิดนี้ได้อย่างเพลิดเพลินค่ะ
สำหรับเกาลัดแบบแกะเปลือกนั้น มีจำหน่ายบรรจุหลายขนาดและยังมีขนาดเล็กที่สามารถทานได้หมดในคราวเดียวด้วย แถมยังเป็นแหล่งอาหารที่ให้ประโยชน์มากมายและเหมาะรับประทานยามท้องว่าง หรือจะทานเป็นของขบเคี้ยวก็ได้หมด จึงควรมีติดบ้านเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ส่วนใหญ่เกาลัดที่ยังไม่แกะเปลือก มักจะไม่มีสารกันบูดและจะมีวันหมดอายุประมาณ 5 วันหลังจากการคั่ว ถึงแม้อายุในการเก็บผลิตภัณฑ์จะสั้น แต่เกาลัดชนิดนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังในเรื่องรสชาติที่สดใหม่และมีกลิ่นหอมที่เข้มข้นจากการคั่วที่อยากให้คุณได้ลิ้มลองกัน หลังจากซื้อแล้ว ควรรีบรับประทานในขณะที่ยังร้อน ๆ เพราะหากทิ้งไว้นานจะทำให้ความอร่อยค่อย ๆ ลดลงได้ค่ะ
ส่วนอายุของเกาลัดแบบแกะเปลือกจะสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี จึงทำให้สะดวกในการเก็บรักษา หรือหากอยากทานเป็นของว่างรองท้อง แนะนำให้เลือกเกาลัดแบบแกะเปลือกแล้วจะดีกว่า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเกาลัดแบบคั่วที่ให้รสหวานและมีกลิ่นหอมที่หาได้ตามฤดูกาล หรือจะเป็นเกาลัดแบบแกะเปลือกพร้อมทาน ลองเลือกซื้อมารับประทานตามความชอบและความสะดวกกันได้เลยนะคะ
มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยกับการแนะนำเกาลัดที่นิยมซื้อกันมากที่สุด 10 อันดับ ที่จะสามารถเป็นข้อมูลในการเลือกซื้อได้เป็นอย่างดี จะมียี่ห้ออะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ
หากใครที่ชอบของขบเคี้ยวทานเล่นยามสาย ๆ ต้องลองยี่ห้อนี้กันนะคะ เกาลัดจีนที่ให้ความอร่อยและมีคุณค่าทางสารอาหารที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน, ไฟเบอร์, วิตามินต่าง ๆ รวมถึงไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เห็นอย่างนี้ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมคะ ส่วนราคาอาจจะแพงกว่ายี่ห้ออื่นอยู่บ้าง แต่รับรองเรื่องรสชาติให้ความฟิน อร่อย และเคี้ยวมัน ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
มาถึงเกาลัดอบชื่อน่ารักสไตล์ญี่ปุ่นแกะเปลือกพร้อมทาน อบด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะ จึงทำให้ได้รสชาติของเกาลัดที่หวานและนุ่มในเมล็ดเดียว ในช่วงระหว่างที่ทำกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกับสมาชิกคนในครอบครัว ก็สามารถหยิบเกาลัดนี้มาทานได้เพลิน ๆ อีกทั้งยังได้ประโยชน์มากมายจากเกาลัด ถ้าหากซื้อในร้านค้าออนไลน์อาจจะมีขายไม่มาก แต่หากพูดถึงราคา บอกได้เลยว่า ย่อมเยามาก ๆ เลยค่ะ
เกาลัดออร์แกนิคที่เก็บจากเทือกเขาอู่หลิงแหล่งขุมทรัพย์ทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ในประเทศจีน จนได้เกาลัดที่มีเมล็ดใหญ่ สด ใหม่ และอร่อย คั่วจนมีกลิ่นหอม และได้รสชาติที่ดี จะเอาไปรังสรรค์ทำเมนูเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวอบเกาลัด หรือจะเป็นเมนูของหวานอย่างเกาลัดเชื่อมราดกะทิก็อร่อยได้อย่างลงตัว ไม่ใส่สารกันบูดและสารอันตรายต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับรีวิวว่าอร่อยค่ะ
เกาลัดอบไม่แกะเปลือก ไม่มีส่วนประกอบของสารกันบูดและสารปรุงแต่งอาหาร เหมาะสำหรับทานในช่วงสถานการณ์ที่ต้องอยู่บ้านแบบนี้ แม้ว่าจะมีเปลือกแต่ขอบอกเลยว่าแกะไม่ยากเลยค่ะ เกาลัดเม็ดใหญ่ ใหม่ และหอมอร่อย แห้ง ไม่มีความชื้น จะแกะทานทันทีเลยก็ได้ หรือหากเบื่อกับเมนูอาหารเดิม ๆ ลองเอาเกาลัดไปทำเป็นอาหาร หรือทำเป็นของหวานทานเล่นก็อร่อยเช่นกันค่ะ
เกาลัดถุงนี้เป็นเกาลัดจากประเทศจีนแต่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยเป็นที่เรียบร้อย เป็นเกาลัดที่ให้ทั้งความหวานจากธรรมชาติ และความอร่อยที่กำลังดี แม้จะเป็นเกาลัดคั่วที่ไม่แกะเปลือกก็ไม่มีปัญหาการแกะแต่อย่างใด เพราะแกะได้ง่าย แถมไม่เลอะมือ อีกทั้งไม่ใส่วัตถุเจือปนอาหาร และไม่เจือสีสังเคราะห์ให้ต้องกังวลใจแต่อย่างใด จึงเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่รับประทานอร่อย จนคุณอาจติดใจและต้องกลับไปซื้อซ้ำอีกแน่นอน
Goody เกาลัดนำเข้าจากประเทศจีน สำหรับถุงนี้เป็นเกาลัดแบบอบแกะเปลือกแสนอร่อย อีกทั้งยังมีปริมาณให้เลือกตั้งแต่ 50 กรัม, 100 กรัม และ 150 กรัม จึงสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการในการบริโภค ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา จึงมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย รีวิวต่างบอกกันปากต่อปากว่า เนื้อเกาลัดมีรสชาติหวานอร่อย ไม่แฉะเกินไป คุณภาพเหมาะสมกับราคาค่ะ
เกาลัดเม็ดใหญ่ที่ให้ความหอม เคี้ยวเพลิน หวานน้อยให้รสชาติที่อร่อยจนไม่สามารถหยุดทานได้ สำหรับคนที่รักสุขภาพน่าจะชอบกันนะคะ เพราะเป็นเกาลัดแบบออร์แกนิคที่คัดสรรมาอย่างดี มีวิตามินบี 2 สูง ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเกาลัดอบแกะเปลือกแล้ว ยังมีเกาลัดคั่วไม่แกะเปลือกด้วย จะเลือกทานแบบไหนก็อร่อยไปหมด จนอาจจะต้องเผลอหยิบมาทานอยู่บ่อย ๆ
เป็นอีกยี่ห้อที่ขายในไทยมาหลายทศวรรษ และมีสินค้าหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่เชื่อว่าทุกคนคงเคยรับประทานกันมาบ้าง โดยผลิตภัณฑ์เกาลัดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่หลายคนบอกต่อกันมาว่าขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อย เนื้อเกาลัดนุ่มฟู หวานน้อย เม็ดใหญ่ สดใหม่ ทานแล้วถูกใจ มาในปริมาณที่คุ้มด้วยราคาที่สามารถเอื้อมถึง ที่สำคัญยังให้ประโยชน์ สามารถทานเพลินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากคิดไม่ออกว่า จะทานอะไรอร่อย ๆ รองท้องดี ลองเกาลัดยี่ห้อนี้ดูสิคะ
เกาลัดอบแกะเปลือก คัดคุณภาพ มีรสชาติที่หวาน มันและเคี้ยวเพลิน ปริมาณคุ้มค่ากับราคา แถมขนาดลูกใหญ่สามารถทานได้อย่างเพลิดเพลินกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ แพ็กเกจยังออกแบบมาเอาใจเด็ก ๆ และมีปริมาณ 80 กรัมซึ่งเป็นขนาดที่สามารถทานได้หมดในครั้งเดียว จึงเหมาะสำหรับเป็นอาหารว่างให้กับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี แบรนด์นี้ผลิตในไทยและผ่านการรับรองมาตรฐานจากหลาย ๆ สถาบัน จึงมั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ ถือว่าเป็นเกาลัดอีกหนึ่งยี่ห้อที่มาแรงแซงทางโค้งและใคร ๆ ก็ต่างยกนิ้วให้
ผลิตภัณฑ์เกาลัดนี้เป็นยี่ห้อที่ครองใจอันดับหนึ่งที่ทุกคนต่างลงคะแนนให้ว่า อร่อย เคี้ยวมัน ทานง่าย เนื้อนิ่มและไม่ต้องเสียเวลามานั่งแกะเปลือก เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากหรือของว่างทานเล่น เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกายและราคาไม่แพง รีวิวจากผู้รับประทานจริงกล่าวว่า เมื่อเทียบกับหลาย ๆ ยี่ห้อ ก่อหยวน อร่อยที่สุด นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการองค์การอาหารและยา จึงทานได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลเลยค่ะ
ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น สายพันธุ์เกาลัดจากจีนที่ปลูกในไทยมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งในฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูกในแต่ละพื้นที่ ส่วนใหญ่การเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงราว ๆ ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกันยายน เมื่อผลเกาลัดสุกเต็มที่จะร่วงหล่นลงมาจากต้นเอง จากนั้นจึงค่อยเก็บผลที่ตกลงมา สำหรับเกาลัดที่เพิ่งเก็บมานั้นจะเรียกว่า “เมล็ดเกาลัดใหม่” ซึ่งจะใช้เรียกเหมือนกันกับข้าวใหม่ที่เพิ่งมีการเก็บเกี่ยวและสีออกมา ในช่วงการจำหน่ายเกาลัดนั้น จะทำการจำหน่ายตั้งแต่เดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งการเก็บเกาลัดในฤดูกาลนี้ จะทำให้คุณได้สัมผัสความสดใหม่ของเกาลัดไปด้วยค่ะ
สำหรับการเก็บรักษาเมล็ดเกาลัดนั้น หลังเก็บผลเสร็จจะแกะเอาแต่ “เปลือกด้านนอกของเกาลัดที่มีหนามแหลม ๆ” ออก ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่จะทำการเก็บรักษาเมล็ดเกาลัดไว้ในตู้แช่เย็นที่มีอุณหภูมิต่ำและพ้นแสง ในระหว่างนี้จะทำให้ปริมาณน้ำตาลจากเกาลัดเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้เกาลัดมีความหวานและอร่อยมากขึ้นนั่นเองค่ะ โดยเมล็ดเกาลัดที่ทำการเก็บไว้จะสามารถเก็บเกาลัดให้อร่อยได้นานถึง 1 ปีเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับบทความนี้ ต้องบอกว่า อาหารแปรรูปที่มีขายในปัจจุบันถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้บริโภคมีแนวโน้มที่เริ่มอยากจะหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารประเภทนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงทำให้อาหารธรรมชาติกลายเป็นแนวโน้มที่ผู้บริโภคต้องการสูง อย่างเช่น เกาลัด ที่ให้ความหวานจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแท้ ๆ ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นของว่างสำหรับเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพที่ทำให้รับประทานได้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงฤดูกาล อีกทั้งเกาลัดยังมีแหล่งอาหารชั้นนำที่มีประโยชน์ที่สามารถรับประทานได้ในทุกวัน
ทั้งนี้ เกาลัดมีมาให้เลือกกัน 2 แบบคือ เกาลัดแบบแกะเปลือก หรือแบบไม่แกะเปลือกออกมาจำหน่าย อย่างไรก็ตาม หากชอบแบบไหน ลองเลือกผลิตภัณฑ์ตามความชอบของคุณได้เลยค่ะ