เท้า เป็นอวัยวะที่เราใช้งานหนักทุกวันและเป็นส่วนที่คนส่วนใหญ่มักจะละเลย ลืมที่จะบำรุงเหมือนกับส่วนอื่น ๆ อาจเพราะเป็นส่วนที่ไม่ได้ต้องโชว์ใครมากนัก แต่หากเราลองมาสังเกตดูดี ๆ แล้วจะเห็นเลยว่า ฝ่าเท้าของเราจะมีปัญหาผิวลอก ผิวด้าน แตกระแหงและมีจุดด่างดำ หรือบางคนอาจมีปัญหากลิ่นเท้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ จะไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ อีกต่อไป เราจึงต้องหันมาใส่ใจกับเท้ามากยิ่งขึ้น
ครีมทาเท้าถือเป็นตัวช่วยที่ตรงจุดที่สุด และในปัจจุบัน ก็มีครีมมากมายหลายสูตรที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถดูส่วนผสมหลักที่แก้ไขปัญหาของเราได้ ในวันนี้ ทีมงานมายเบสท์จึงมีวิธีการเลือกครีมทาเท้า และส่วนผสมสำคัญที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาแบ่งปันอีกด้วย เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
ก่อนที่จะเลือกซื้อครีมทาเท้า เราควรที่จะดูส่วนผสมและประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาที่เราต้องการ
เนื่องจากครีมทาเท้าแต่ละตัว อาจให้ผลลัพธ์และแก้ปัญหาได้ต่างกัน เราจึงต้องดูส่วนผสมที่ตรงกับผลลัพธ์ที่เราต้องการ
หากใครที่มีปัญหาเท้าลอกและผิวด้านเนื่องจากขาดความชุ่มชื้น แนะนำให้เลือกครีมทาเท้าที่มีส่วนผสมอย่างปิโตรลาทัมและกลีเซอรีน ซึ่งผลิตภัณฑ์ทาผิวกายและผิวหน้าส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนผสมเหล่านี้ เพราะมีคุณสมบัติที่ให้ความชุ่มชื้นสูงและสามารถกักเก็บความชุ่มชื้น ป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมประเภทกรดไฮยาลูรอนิคและน้ำมันธรรมชาติต่าง ๆ ที่สามารถสร้างความยืดหยุ่นให้ผิวอุ้มน้ำได้ดี และยังช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิวอีกด้วยค่ะ
กลิ่นเท้าที่ไม่พึงประสงค์ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เนื่องจากเหงื่อที่ออกมามากเกินไป หรือการที่ไม่ได้ดูแลรักษาความสะอาดอย่างเหมาะสม เช่น ไม่ซักรองเท้าเป็นเวลานาน หรือใช้ถุงเท้าซ้ำโดยไม่ซัก ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อครีมทาเท้าที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminum Chloride) ที่จะช่วยระงับการผลิตเหงื่อ และสารส้มที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่น แต่ถ้าหากต้องการเลือกครีมทาเท้าที่ให้ผลลัพธ์เรื่องของความชุ่มชื้นด้วย แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนกลางคืน เนื่องจากการรักษาให้เท้าแห้งตลอด จะทำให้การระงับกลิ่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่หลายคนมักคาดหวังก็คือ เรื่องความเรียบเนียน ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์, กรดไฮยาลูรอนิค, คอลลาเจน และเชียบัตเตอร์ ที่นอกจากจะมีคุณสมบัติเพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว ยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนและนุ่มขึ้นอีกด้วย หรืออาจเลือกครีมที่มีน้ำมันธรรมชาติเป็นส่วนผสม เช่น น้ำมันอาโวคาโด, น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันโจโจ้บา ก็จะช่วยให้สารอาหารซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
โดยปกติเคราติน ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เพราะเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของผิวหนัง และทำหน้าที่ปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย แต่ถ้าหากมีการผลิตเคราตินออกมามากเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหาผิวด้านและแห้งหยาบ ซึ่งการผลิตเคราตินที่มากเกินไป เกิดจากการเดินเท้าเปล่าหรือการใช้งานหนัก ร่างกายจึงเร่งสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาเพื่อป้องกันผิวหนังจากการกระแทก ดังนั้น จึงควรเลือกครีมทาเท้าที่มีส่วนผสมของยูเรีย, กรดผลไม้ หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์เก่า ให้เซลล์ผิวใหม่ที่ขึ้นมานุ่มและเรียบเนียนกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม หากสารเหล่านี้มีความเข้มข้นสูงเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ จึงควรตรวจสอบปริมาณของสารเหล่านี้ให้ดีค่ะ
เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่เท้า และอยากที่จะนวดผ่อนคลายเอง ซึ่งการนวดเท้าก็มีประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดภาวะความเครียด และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น เราจึงควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณมาก เพื่อให้เนื้อครีมมีความหล่อลื่นและสะดวกต่อการนวดมากขึ้น นอกจากนี้แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพริกหรือขิง ที่สามารถนำมาใช้นวดกระชับสัดส่วนและลดไขมันได้ดีอีกด้วย
เมื่อสำรวจปัญหาเท้าของตัวเองแล้ว ก็มาเลือกครีมทาเท้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวและผลลัพธ์ที่เราต้องการกันเลยค่ะ
ผิวเท้าที่ไม่ได้รับการดูแลจนแห้งกร้าน อาจส่งผลให้เล็บเท้าอ่อนแอ ฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้น เราจึงต้องบำรุงอย่างทั่วถึง สูตรนี้มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์ที่มีประโยชน์ต่อผิว เพราะอุดมด้วยวิตามิน E ที่ให้ความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำในผิวไม่ให้ระเหยออกไป นอกจากนี้ ยังทำให้ผิวที่ด้านและหยาบกร้านอ่อนตัวลง ส่งผลให้ผิวกลับมานุ่มสวยอีกครั้ง ช่วยแก้ไขปัญหาเล็บฉีกหรือเล็บหักง่ายได้ และบำรุงให้เล็บเงางาม ดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
ใครที่กำลังมีปัญหาเท้าด้าน, แห้งกร้าน รวมทั้งส้นเท้าแตก ครีมทาเท้ารุ่นน่าสนใจทีเดียว เพราะมีเนื้อครีมที่เข้มข้น แต่ซึมลึกถึงผิวได้ไว อุดมด้วยสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยฟื้นฟูเท้าที่หยาบกร้านให้กลับมานุ่มลื่นน่าสัมผัส นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ลดเลือนจุดด่างดำอย่างอ่อนโยน ที่สำคัญยัง สามารถใช้กับผิวส่วนอื่น ๆ ที่มีความด้านเช่นข้อศอกและหัวเข่าอีกด้วย มาพร้อมกับกลิ่นมินต์ ให้ความหอมสดชื่น เย็นสบาย และทำให้ผ่อนคลายค่ะ
หากกำลังมองหาครีมทาเท้าที่อ่อนโยน ต้องครีมทาเท้าสูตรนี้เลยค่ะ เพราะอุดมไปด้วยสมุนไพรจากอินเดียมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากขมิ้นและต้นสาละ ที่มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและการอักเสบ จึงช่วยเรื่องของส้นเท้าแตกได้ดี นอกจากนี้ ยังมีน้ำผึ้งและเมล็ดลูกซัด ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น, เรียบเนียน และป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ ที่สำคัญ มีส่วนผสมของขิงที่มีรสเผ็ดร้อน ซึ่งจะเป็นยากระตุ้นการไหลเวียนเลือดช่วยให้เท้าอบอุ่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายเท้าค่ะ
ช่วงเวลากลางคืนเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการบำรุงผิว เนื่องจากเซลล์ผิวจะถูกซ่อมแซมได้ดีที่สุด ซึ่งครีมทาเท้าสูตรนี้ใช้สำหรับก่อนนอนโดยเฉพาะ เพราะอุดมไปด้วยสารให้ความชุ่มชื้นไม่ว่าจะเป็นน้ำมันแมคคาเดเมีย ที่ซึมซาบสู่ผิวได้ดี ช่วยรักษาน้ำหล่อเลี้ยงให้ผิวชุ่มชื้นและนุ่มลื่นตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีกรดผลไม้จำพวกเลมอนและ Allantoin ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่แห้งลอกและเสื่อมสภาพออกไป พร้อมทั้งเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ดีและสมบูรณ์กว่าเดิม
ปัญหาเท้าแห้งและส้นเท้าแตก สามารถแก้ไขด้วยครีมทาเท้าสูตรนี้ที่มีประสิทธิภาพของยูเรีย 10% ช่วยดูดซับน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง มาพร้อมกับกลีเซอรีนและวิตามิน B3 ที่เป็นคอลลาเจนธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้น และให้ผิวที่ด้านและหยาบมีความเรียบเนียนและยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกรดแลกติก ที่ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวที่มีจุดด่างดำจากการเสียดสี กลับมาขาวสม่ำเสมอ ช่วยขจัดผิวที่แห้งแข็งออกไป เผยผิวใหม่ที่อ่อนนุ่มกว่าเดิม
ครีมนวดเท้าสูตรนี้บอกได้เลยว่าตอบโจทย์ได้ทุกปัญหา ด้วยคุณค่าจากน้ำมันรำข้าวที่อุดมไปด้วยวิตามิน E ช่วยให้ความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวแห้งกร้านให้นุ่มสวย และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันทับทิมที่มีสารแอนโทไซยานิน มีคุณสมบัติบำรุงให้ผิวเรียบเนียนและลดเลือนริ้วรอย ที่สำคัญ ยังสามารถลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วยน้ำมันทีทรี ที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นได้อย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพค่ะ
เท้าที่ขาดการบำรุงอย่างหนัก ต้องรีบกู้ผิวด้วยครีมทาเท้าสูตรนี้ ที่อุดมไปด้วยสารที่ให้ความชุ่มชื้นหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นยูเรีย ที่ช่วยให้ผิวอุ้มน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ พร้อมทั้ง Allantoin ที่มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกแก้ปัญหาเท้าลอกและส้นเท้าแตกได้ดี เร่งให้ผิวสร้างเซลล์ที่เรียบเนียนและนุ่มขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของแพนทีนอล หรือวิตามิน B3 ที่ฟื้นฟูให้ผิวที่หยาบกร้านกลับมายืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
โดยปกติทุกคนก็ใช้งานที่เท้าหนักอยู่แล้ว และยิ่งสาวออฟฟิศที่มักจะใส่ส้นสูงหรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จะมีอัตราการใช้งานและการกระแทกที่เท้าสูงกว่าปกติ จึงต้องบำรุงอย่างล้ำลึกด้วยคุณค่าจากน้ำมันมะพร้าว ที่ซึมซาบสู่ผิวได้ดีช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้น แถมยังช่วยสมานรอยแตกที่ส้นเท้าได้ดีด้วย นอกจากนี้ ยังผสานประโยชน์ของน้ำมันเปปเปอร์มินต์และสารสกัดจากโรสแมรี่ ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือก ทำให้ทั้งเท้าและขารู้สึกผ่อนคลายจากการใช้งานหนักได้ดีทีเดียว
สำหรับผิวเท้าที่แห้งลอกอย่างหนัก ต้องฟื้นฟูด้วยครีมทาเท้าสูตรนี้ เพราะด้วยคุณค่าจากเชียบัตเตอร์ถึง 15% ช่วยให้ผิวที่แห้งกลับมาชุ่มชื้นและอ่อนนุ่ม นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันลาเวนเดอร์และสารสกัดจากใบมินต์ ที่ไม่เพียงแค่รักษาอาการส้นเท้าแตก แต่ยังช่วยให้เท้ารู้สึกผ่อนคลายและคลายความเมื่อยล้าจากการใช้งานอย่างหนักได้ดี ทั้งยังช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนเลือด ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ จึงช่วยลดปัญหากลิ่นเท้า ซึ่งผู้ใช้หลายคนคอนเฟิร์มว่าใช้แล้วได้ผลอย่างรวดเร็วค่ะ
การทำให้ฝ่าเท้าของเรารู้สึกผ่อนคลายและสบาย เป็นการทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งครีมทาเท้าสูตรนี้ตอบโจทย์ได้ดีมาก ๆ ด้วยประโยชน์จากสารสกัดจากดอกอาร์นิคา (Arnica) ที่ช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการปวดและเมื่อยล้า และยังฟื้นฟูผิวที่แห้งหยาบให้เนียนนุ่มขึ้น มาพร้อมด้วยน้ำมันเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเชียบัตเตอร์ ที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งมากขึ้น และยังทำให้ฝ่าเท้าเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังบำรุงเล็บให้แข็งแรงและเงางามด้วยสารสกัดจากมดยอบอีกด้วยค่ะ
มาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ไม่เคยใช้ครีมบำรุงเท้าเลย เริ่มมีความคิดอยากบำรุงผิวเท้ากันบ้างแล้วใช่ไหมคะ ถึงแม้ว่าเมื่อสังเกตผิวเท้าแล้วไม่มีปัญหา เราก็สามารถใช้ครีมบำรุงเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคตได้นะคะ เพราะกันไว้ย่อมดีกว่าแก้เสมอ อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากไว้ก็คือ สำหรับครีมบำรุงเท้าที่ใช้ในตอนกลางคืน เพื่อประสิทธิภาพการบำรุงที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น แนะนำให้ใส่ถุงเท้าควบคู่ไปด้วย ครีมจะได้ลงลึกสู่ผิวได้มากยิ่งขึ้นค่ะ นอกจากนี้ เรายังควรใส่สลิปเปอร์ในบ้านเป็นประจำเพื่อช่วยลดและป้องกันปัญหาเท้ากระแทกกับพื้นแข็ง ๆ ที่เป็นต้นเหตุหนึ่งของเท้าด้านและส้นเท้าแตกอีกด้วยค่ะ